ReadyPlanet.com
dot
dot
สินค้าของเรา
dot
bulletกากชากำจัดหอยเชอรี่
bulletกากชากำจัดปลาในบ่อกุ้ง
bulletสารกำจัดแมลงในสนามกอล์ฟ
bulletกากชาบรรจุกระสอบละ 50 Kg.
bulletโรงงานกากชาตรากระทิง
bulletเสียงจากเกษตรกร
dot
เกี่ยวกับหอยเชอรี่
dot
bulletหอยเชอรี่
dot
กากชาตรากระทิง
dot
bulletคุณสมบัติของกากชา
bulletวิธีการใช้กากชา
bulletแหล่งผลิตกากชา
dot
ปุ๋ย ยาสำหรับนาข้าว
dot
bulletปุ๋ยนาข้าว
bulletยากำจัดแมลง
bulletยากำจัดวัชพืช
bulletยากำจัดโรคพืช
dot
โรค แมลง ศัตรูพืชในนาข้าว
dot
bulletแมลงศัตรูพืชในนาข้าว
bulletวัชพืชในนาข้าว
bulletโรคต่างๆในข้าว
dot
การปลูกข้าว
dot
bulletการปลูกข้าวหอมมะลิ
bulletการทำนาดำ
bulletการทำนาหว่าน
bulletการทำนาหยอด
bulletการโยนกล้า
dot
พันธุ์ข้าว
dot
bulletพันธุ์ข้าว ไวต่อแสง
bulletพันธุ์ข้าว ไม่ไวต่อแสง
dot
เกี่ยวกับข้าว
dot
bulletการขาดธาตุอาหารของข้าว
bulletการเก็บรักษาข้าวเปลือก
bulletการเก็บเกี่ยว
bulletการตากข้าว
bulletศัตรูพืชในโรงเก็บข้าวเปลือก




การปลูกข้าวหอมมะลิ

การปลูกข้าวหอมมะลิ

              ข้าวขาวดอกมะลิ 105 เป็นพันธุ์ข้าวหอม ที่ได้จากการ นำข้าวพันธุ์พื้นเมืองจากเกษตรกร อำเภอบางคล้า จังหวัด ฉะเชิงเทรา จำนวน 199 รวง มาปลูกเพื่อศึกษาพันธุ์ และได้ข้าวของที่ 105 ที่มีลักษณะพิเศษ คือ มีกลิ่นหอม และเมล็ดอ่อนนุ่ม เมื่อนำมาหุงต้ม                     

             ดังนั้นจึงมีการปรับปรุงพันธุ์ให้บริสุทธิ์ตาม หลักวิชาการจนได้พันธุ์ ข้าวขาวดอกมะลิ 105และรัฐบาลประกาศ ให้ขยายพันธุ์ส่งเสริมการปลูก ได้ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2502 เป็นต้นมา สำหรับพื้นที่ปลูกข้าวขาว ดอกมะลิ 105 ที่เหมาะสม ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลางบางพื้นที่

 

ลักษณะทั่วไป

1. เป็นข้าวเจ้าไวต่อช่วงแสง

2. เป็นข้าวต้นสูงประมาณ 140-150 เซนติเมตร

3. อายุเก็บเกี่ยว ข้าวจะออกดอกประมาณวันที่ 20 ตุลาคมและสุกแก่เก็บเกี่ยวได้ประมาณวันที่ 20 พฤศจิกายนของทุกปี

4. ระยะพักตัวของเมล็ด ประมาณ 8 สัปดาห์

5. ขนาดเมล็ดข้าวกล้อง ยาว 7.5 มิลลิเมตร กว้าง 2.1มิลลิเมตร หนา 1.8 มิลลิเมตร

6. ลักษณะเมล็ดข้าวเปลือก เมล็ดเรียวยาว ก้นงอน สีฟาง

 

ข้อดี

1. มีกลิ่นหอม เมล็ดอ่อนนุ่มเมื่อนำมาหุงต้ม

2. ทนต่อสภาพแล้ง ทนต่อดินเปรี้ยวและดินเค็ม

3. คุณภาพการขัดสีดี เมล็ดข้าวสารใส แข็ง มีท้องไข่น้อย

4. นวดง่าย เนื่องจากเมล็ดหลุดร่วงจากรวงได้ง่าย

5. เป็นที่ต้องการของตลาด ขายได้ราคาดี

 

ข้อจำกัด

1. ไม่ต้านทานโรคขอบใบแห้ง โรคใบสีส้ม โรคใบจุดสีน้ำตาล และโรคไหม้และโรคใบหงิก

2. ไม่ต้านทานแมลงบั่ว เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

3. ต้นอ่อนล้มง่าย ถ้าปลูกในบริเวณที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์สูง

 

การปลูกข้าวขาวดอกมะลิ 105 เพื่อให้ ผลผลิตสูง

1. คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ให้บริสุทธิ์ ไม่ให้มีเมล็ดพันธุ์อื่น หรือสิ่งเจือปน เช่น เมล็ดวัชพืช และมีเปอร์เซ็นต์การงอกสูง 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

2. เลือกวิธีการปลูกและช่วงเวลาที่เหมาะสม

- ในเขตชลประทานที่ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำ ควรทำนาดำ หรือนาหว่าน น้ำตมแผนใหม่ โดยนาดำให้เริ่มตกกล้ากลางเดือน กรกฎาคม ปักดำต้น สิงหาคม แล้วข้าวจะออกดอกประมาณ 20 ตุลาคม และเก็บเกี่ยวได้ 20 พฤศจิกายนของทุกปี ส่วนนาหว่าน น้ำตมแผนใหม่ ให้หว่านประมาณ ปลายเดือนกรกฎาคมถึง ต้นเดือนสิงหาคม แล้วเก็บเกี่ยวในช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน

- ในพื้นที่ฝนตกน้อยหรือฝนล่า ควรทำนาหว่าน หรือนาหยอด โดยช่วง เวลาปลูกที่เหมาะสมอยู่ระหว่างปลายเดือน กรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม และข้าวจะเก็บเกี่ยวได้ในช่วง ปลายเดือนพฤศจิกายน

3. การเตรียมดินเพื่อปลูกข้าวขาวหอมมะลิ 105

- นาหว่านข้าวแห้ง ในสภาพดินร่วนปนทรายที่ จังหวัดสุรินทร์และดินทราย ปนดินร่วนที่ทุ่ง กุลาร้องไห้ จะเตรียมดิน โดยการไถพรวน แล้วหว่านเมล็ดข้าว ในอัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ จากนั้นคราดกลบและโปรยฟางคลุม 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ จะทำให้ผลผลิตเฉลี่ยที่ได้สูงถึง 500 กิโลกรัมต่อไร่                    

- นาดำ จะต้องไถดะทิ้งไว้ประมาณ 15 วัน จึงไถแปรอีกครั้ง เพื่อกำจัดต้นอ่อนของวัชพืช ที่งอกขึ้นมาใหม่ แล้วคราดเพื่อดันวัชพืช ให้จมอยุ่ใต้โคลน ในขณะเดียวกันก็เกลี่ย โคลนปรับระดับหน้าดินไปด้วย จะทำให้ระดับน้ำ ในแปลงนาท่วม คลุมวัชพืชได้อย่างทั่วถึง             

- นาหว่านน้ำตมแผนใหม่ มีวิธีการเตรียมดินที่ ยุ่งยากกว่า 2 วิธีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากการไถดะทิ้งไว้ประมาณ 15 วัน แล้วไถแปรทิ้งไว้อีก 7 วัน จากนั้นไถแปรอีกครั้งแล้วคราด เก็บเศษวัชพืชออกให้หมดหรือเหยียบขี้คราดดันเศษวัชพืชต่างๆ ให้ลงไปอยู่ใต้โคลน                 

      แล้วจึงลูบเทือกให้เรียบสม่ำเสมอ แบ่งแปลง ย่อยขนาดกว้าง 3-5 เมตร ทิ้งไว้ 1 คืน แล้วจึงหว่านเมล็ด หลังจากนั้น 4-5 วันให้ทยอดปล่อยน้ำเข้าท่วมหน้าดิน เพื่อคลุม วัชพืชที่งอกตามระดับความสูงของน้ำจนถึงระดับประมาณ 10-15 เซนติเมตร ต้นข้าวจะเจริญเติบโตพอที่จะคลุมวัชพืชได้

- นาหยอด เป็นวิธีที่ไม่นิยมปลูกมากนัก แต่ถ้าจำเป็นที่จะต้องปลูกด้วยวิธีนี้ ในช่วงเตรียมดินจะต้องกำจัดวัชพืชออกให้หมด และหลังจากหยอดเมล็ดข้าวแล้วควรคลุมฟางทับในอัตรา 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ และเมื่อมีโอกาสได้รับน้ำฝนจะต้องเก็บกักน้ำให้ท่วมวัชพืช เพื่อกำจัดพืชที่งอกขึ้นมาใหม่                 

 

4. ใช้เมล็ดพันธุ์ในอัตราที่เหมาะสม

กล่าวคือ ถ้าเป็น นาหว่านข้าวแห้ง ควรใช้ในอัตรา 10-15 กิโลกรัมต่อไร่ นาหว่าน น้ำตมแผนใหม่ 12-45 กิโลกรัมต่อไร่ วิธีหยอด 6-8 กิโลกรัม ต่อไร่ และวิธีปักดำใช้ 4-7 กิโลกรัมต่อไร่

5. ควรใส่ปุ๋ยในอัตราที่เหมาะสมและถูกวิธีดังนี้

การใส่ปุ๋ยนาดำ ควรใส่ 2 ครั้ง คือ

    ครั้งที่ 1 ใส่ก่อนปักดำไม่เกิน 1 วัน หรือหลัง ปักดำประมาณ 10-20 วัน โดยใส่ปุ๋ยสูตร 16-20-0, 20-20-0, 28-22-0 หรือ 18-46-0 ในดินเหนียว และสูตร 16-16-8 ในดิน ทราย อัตรา 20-25 กิโลกรัมต่อไร่

    ครั้งที่ 2 ใส่ก่อนข้าวออกดอกประมาณ 30 วัน (ประมาณวันที่ 20 กันยายนของทุกปี) โดยใช้ปุ๋ยสูตร 21-0-0 ในอัตรา 10-20 กิโลกรัมต่อไร่ หรือปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 ในอัตรา 5-10 กิโลกรัมต่อไร่

 

การใส่ปุ๋ยนาหว่านน้ำตมแผนใหม่ ควรใส่ 2 ครั้ง คือ

    ครั้งที่ 1 ใส่หลังหว่านข้าวแล้ว 20-30 วัน โดยใช้ ปุ๋ยสูตร 16-20-0, 20-20-0, 18-22-0 หรือ 18-46-0 ในดินเหนียว และสูตร 16-16-8 ในนาดินทราย อัตรา 20-25 กิโลกรัมต่อไร่

    ครั้งที่ 2 ใส่ในช่วงก่อนข้าวออกดอกประมาณ 30 วัน (ประมาณวันที่ 20 กันยายนของทุกปี) โดยใช้ปุ๋ยสูตร 21-0-0 ในอัตรา 10-20 กิโลกรัมต่อไร่ หรือปุ๋ยยูเรียในอัตรา 5-10 กิโลกรัม ต่อไร่

    ส่วนการทำนาหว่านข้าวแห้งและนาหยอด ไม่ควรใช้ ปุ๋ยเคมีเพราะให้ผลตอบแทน ไม่คุ้มค่า ถ้าจะใช้ให้ใส่ปุ๋ยคอกหรือ ปุ๋ยหมักเท่านั้น

 




การปลูกข้าว

การทำนาดำ
การทำนาหยอด
การทำนาหว่าน
การโยนกล้า



Copyright © 2012 All Rights Reserved.
กากชาตรากระทิง คุณภาพดี ราคาถูก จัดส่งทั่วประเทศ บริษัท ทวีผลเกษตรธรรมชาติ จำกัด 770/60 หมู่6 แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กรุงเทพฯ 10150 โทรศัพท์ : 034-824563-4 แฟกซ์ : 034-823168 สายตรงแผนกขาย : 081-9354335, 081-62284995 E-mail : twpagri@hotmail.com www.ktkrating.com